วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สูตร..การทำปูผัดผงกระหรี่

    สูตรอาหารไทย : ปูผัดผงกะหรี่

[ STIR-FRIED CRAB MEAT WITH CURRY POWDER ]  
ปู ผัดผงกะหรี่เป็นเมนูอาหารไทยที่ขึ้นชื่อมาก แต่เนื่องจากปูที่มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้อาหารจานนี้มักจะไม่ค่อยพบ ในร้านขายข้าวแกงทั่วไป แต่ตามภัตาคาร ร้านอาหารแล้ว เมนูปูผัดผงกะหรี่ มีให้บริการแทบทุกร้าน เมนูนี้เป็นที่ถูกใจของนักชิมทั้งหลาย เนื่องจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หอมกลิ่นเครื่องเทศ และผงกะหรี่ เข้ากันได้ดีกับเนื้อปูสดๆ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเสริฟกับข้าวร้อนๆ ในมื้ออาหาร



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* เนื้อปู 250 กรัม
* ไข่ไก่ 2 ฟอง (ตอกใส่ถ้วยและคนให้เข้ากัน)
* กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
* ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
* ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* ต้นหอม 2 ต้น (หั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 1 นิ้ว)
* หอมแดง 2 ช้อนโต๊ะ (หั่นเป็นชิ้นบางๆ)
* ขึ้นฉ่าย 100 กรัม (หั่นเป็นชิ้น)
* พริกชี้ฟ้า 3 เม็ด (หั่นเป็นชิ้นตามยาว)
* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำเปล่า)




                       วิธีทำทีละขั้นตอน

1. ใส่น้ำมัน ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง ใส่กระเทียมและหอมใหญ่ลงไป ผัดจนกระทั่งกลิ่นหอม
2. เติมน้ำซุป (หรือน้ำเปล่า), ซิอิ๊ว, น้ำปลา และไข่ไก่ ผัดสักพัก (ประมาณ 20 วินาที) จึงใส่เนื้อปูตามลงไปในกระทะ
3. ผัดเนื้อปูจนใกล้สุก (เนื้อปูสุกง่าย ใช้เวลาผัดไม่นาน) หลังจากนั้นใส่เครื่องปรุงและส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไปในกระทะ ผัดต่ออีก 30 วินาที จึงปิดไฟ
4. ตักใส่จาน แต่งหน้าด้วยผักชี เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ




หมายเหตุ : ที่มา EzyThaiCooking.com 
Email : taajook@gmail.com
Tel : 0927908165

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สูตรการทำ..น้ำพริกสวรรค์ สำหรับทำน้ำพริกกระปุกขาย..!!

สูตรทำสูตรน้ำพริกสวรรค์ สำหรับทำน้ำพริกกระปุกขาย..

ขอบคุณเวปไซค์ ไทยอาชีพ.คอม.. แหล่งรวมคำแนะนำเรื่องอาชีพและช่องทางทำเงินในรูปแบบต่างๆ ทั้ง เฟรนไชนส์ และ อาชีพอิสระ อาชีพเกษตรกรรม โดยที่สามารถนำไปต่อยอดไอเดียเพื่อสร้างรายได้เสริม ได้หลากหลาย เรามีข้อมูลหลากหลายให้ได้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทาง  ซึ่งวันนี้เรามีข้อมูลดีๆมานำเสนอ และ แนะนำให้เป็นอีกทางเลือก และ วันนี้เราขอนำเสนอให้รู้จักกับอาชีพ ขายน้ำพริกกระปุก   ที่น่าทำขายเป็นการสร้างรายได้ เพราะเป็นอาหารที่ทานง่ายและทำง่าย และ วันนี้เรามีสูตรการทำน้ำพริกกระปุก แบบต่างๆ มาแนะนำให้รู้จัก ซึ่งทำได้ง่ายๆและ สามารถทำขายได้ อีกทั้งยังทำให้เป็น อาชีพอิสระ และ อาชีพเสริมได้  ซึ่งสามารถขายได้ตามออฟฟิศที่ทำงาน หรือ ตามตลาดนัดตลาดเปิดท้ายซึ่งหากคุณทำอร่อยๆ รับรองลูกค้าเพียบ สามารถขายในวันหยุด หรือ หลังเลิกงาน เพียงแค่มีสถานที่เช่น หน้าบ้าน (หากอยู่ในชุมชน หรือ หมู่บ้านที่มีคนเยอะ) หรือ ขายตามตลาดนัดวันหยุด รับรองว่าทำง่ายแต่รายได้ดีแน่นอน




สูตร “น้ำพริกสวรรค์กุ้งกรอบ” 
ส่วนผสม  กุ้งแห้งอย่างดี 1 กิโลกรัม หัวหอมเจียว 3 กิโลกรัม กระเทียมเจียว 3 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม เกลือ, ผงปรุงรส, พริกแห้งป่น
วิธีทำ “น้ำพริกสวรรค์กุ้งกรอบ” กระเทียมซอย หอมแดงซอย เจียวสุกพอเหลือง พักให้สะเด็ดน้ำมัน ขั้นต่อไปทำการปั่นกุ้งแห้งให้ละเอียด ยกลง พักไว้ ปั่นหอมแดงเจียว กระเทียมเจียว พอแหลก พักไว้ นำกุ้งแห้งลงผัดน้ำมัน ใช้ไฟอ่อน ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และพริก ผัดส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำหอม-กระเทียมเจียวที่ปั่นพอแหลกตามลงไป ผัดไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20-25 นาที จนส่วนผสมแห้งและคลุกเคล้าเข้ากันจนทั่ว..




ขอบคุณคลิปจาก foodtravel.tv


สูตร..การทำปาท่องโก๋ (รวมสูตรต่างๆ)



สูตรปาท่องโก๋ อิ๊วจาก๊วย

อาหารทำขาย ที่ยังคงอยู่ในความนิยมของผู้ฝึกทำอาหารขาย ที่พยายามจะทำให้ได้สูตรต่างๆ และเทคนิคมักเป็นความลับ หากใครทำปาท่องโก๋ขายได้และขายอย่างขยันมานะ ล้วนแล้วแต่รวยทุกคน

แป้งสาลี
ผงฟู
ยีสต์แห้ง
น้ำ
เกลือป่น
น้ำตาลทราย
โซดาไบคาร์บอเนต (ยีสต์)
เช้าก่า (เชื้อแอมโมเนีย,แอมโมเนียไบคาร์บอเนต)
2
1/2
1/3
7 1/2
1/2
4
1/8
2 1/2
กก.
ช้อนชา
ช้อนชา
ถ้วยตวง
ขีด
ช้อนโต๊ะ
ช้อนชา
ช้อนโต๊







 อุปกรณ์
- รถเข็น
- กระทะก้นลึกเป็นเหล็ก เบอร์ 22 หรือ 24 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 - 20 นิ้ว ซื้อตาม  ร้าน ขายกระทะเหล็ก
- เตาแก๊ส ที่มีหัวเร่งไฟ เพราะใช้ความร้อนสูง
- กระบะแป้ง ซื้อไม้อัดตามร้านมาตัดให้ได้ส่วนตามต้องการหรือใช้โต๊ะแม็กกาไล้
- ตะเกียบยาว กระชอนตัก กาละมังรองน้ำมัน พายปาดแป้ง(พลาสติก) ที่ร่อนแป้ง ถ้วยตวงของเหลว ถ้วยตวงของแห้ง ช้อนตวง ซื้อตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนมเค้กหรือร้านขายแป้งทำขนม
- แป้งสาลีต้องใหม่ โซดาไบคาร์บอเนต(ผงสีขาวเหมือนผงฟู) เช้าก่า(เหมือนเกลือป่นละเอียด สีขาวสะอาดมีกลิ่นเหม็นฉุน ช่วยทำให้ปาท่องโก๋ขึ้นพอง) น้ำตาลทราย ยีสต์ ผงฟู ทั้งหมดต้องเป็นของใหม่ไม่หมดอายุ
- น้ำมันควรเป็นน้ำมันพืช(ควรใช้น้ำมันปาล์ม) ต้องใหม่



 วิธีทำ
1. น้ำ ผงฟู ยีสต์แห้งและแป้ง(ร่อนก่อน) ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นส่วนผสมที่เป็น ส่วนแป้ง
2. นำน้ำผสมเกลือป่น น้ำตาล โซดาไบคาร์บอเนต เช้าก่า ตามส่วน เป็นส่วนผสมที่เป็น ส่วนน้ำ
3. นำส่วนผสมของส่วนน้ำเทใส่ลงในส่วนแป้งที่เตรียมไว้ในกาละมังสำหรับนวดแป้ง นวดทั้งหมดผสมรวมกันด้วยมือ เคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวด 5 - 7 นาที ให้แป้งเข้ากันดี ทิ้งแป้งไว้ 4 - 7 ชั่วโมง เป็นการหมักแป้งให้ขึ้น ก่อนนำมาทอด ใช้ฝาปิดให้มิดชิดอย่าให้ลมเข้าเพราะจะทำให้แป้งแห้ง
ถ้า ต้องการจะทำปาท่องโก๋คู่ ให้ใช้สูตรเดียวกันนี้ เพียงแต่ลดน้ำลง 1 ถ้วยตวง ต่อแป้ง 2 กก. นวดแป้งให้นุ่มมือ หมักแป้ง 4 - 7 ชั่วโมง
เตรียมการทอด
เมื่อ หมักแป้งได้ที่แล้วนำแป้งเทลงในกระบะไม้หรือบนโต๊ะแม๊กกาไลท์ที่เตรียมไว้ เตรียมน้ำมันที่จะทอด ใช้แป้งสาลีเป็นแป้งฝุ่นโรยเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ เมื่อตัดแป้งแล้ว ใช้กลางฝ่ามือหรือปลายนิ้วคลึงให้เป็นเส้นกลมขนาดยาวประมาณ 1 คืบ แล้วใช้มือขวาจับตรงกลางแป้ง มือซ้ายจับปลายเส้นแป้งด้านซ้ายยกขึ้นแล้วตวัดปลายแป้งที่เหลืออีกด้านหนึ่ง เข้าหาตัวให้ได้เป็นเกลียว แล้วนำลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนได้ที่ ทอดจนเหลืองอ่อน ใช้ไม้ตะเกียบคีบกลับไปมา พอเหลืองกรอบคีบขึ้นใส่ตะแกรง พักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก่อนขาย



ปาท่องโก๋คู่

นำแป้งมาคลึงบนโต๊ะให้ เป็นแผ่น ใช้แป้งโรยให้เนียนมือ ใช้มีดตัดแป้งกว้าง 1/2 ซม. ยาว 2 1/2ซม. เอาไม้เล็กๆจุ่มน้ำแตะที่ตรงกลางชิ้นจับให้ยืด ใส่ลงในน้ำมันร้อนจัด ใช้ตะเกียบไม้คีบพลิกกลับไปมาจนเหลืองกรอบ ใช้กระจ่าที่มีรูช้อนขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน วางบนกระดาษซับน้ำมัน

สังขยาจิ้มปาท่องโก๋

 เครื่องปรุง


ไข่ไก่
กะทิข้น
น้ำตาลทราย
น้ำใบเตย
เกลือป่น
แป้งสาลี
2
4
2
2
1/2
2
ฟอง
ถ้วยตวง
ถ้วยตวง
ช้อนโต๊ะ
ช้อนชา
ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ต่อยไข่ 2 ฟองใส่ชามแก้วตีให้ขึ้น ผสมน้ำตาลทราย กะทิข้น น้ำใบเตย เกลือป่น แป้งสาลี ให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่หม้อเหล็กเคลือบ กวนอย่าให้เป็นลูก กวนพอสุกเป็นยางเหนียว ตักใส่ถ้วยหรือใส่ถุงพลาสติก เอาหนังยางรัดสำหรับไว้ขายคู่กับปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้



ปาท่องโก๋สูตรต่างๆ

สูตร ๑. กรอบนอกนุ่มใน
แป้ง สาลี ๑ กก. เกลือ ๔ ช้อนชา ยีสต์ ๑ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ ผงฟู ๒ ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ ๒ ฟอง น้ำ ๓ ๑/๒ - ๔ ถ้วยตวง น้ำมันพืช ๒ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ ผงชูรส ๑ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง) กรอบนอกนุ่มใน
สูตร ๒. แป้งนุ่มไม่เหนียว
แป้ง สาลี ๑ กก. น้ำตาลทราย ๓ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ เช้าก่า ๑/๒ ช้อนชา เบ๊กกิ้งโซดา ๑ ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ ๑ ฟอง ผงฟู ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๑ ช้อนโต๊ะ ผงชูรส ๒ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) แป้งนุ่มไม่เหนียว
สูตร ๓. แป้งกรอบกลวง กรอบนาน
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๑ ช้อนชา ยีสต์ ๑/๔ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๓ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำ ๓ ถ้วยตวง เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๔ ช้อนชา ไข่ไก่ ๑ ฟอง น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) แป้งกรอบกลวง กรอบนาน
สูตร ๔. แป้งกรอบกลวง
แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๑/๒ ช้อนชา แอมโมเนีย ๓/๔ ช้อนชา โซดา ๑ ช้อนชา ผงฟู ๑ ช้อนชา เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๑/๔ ถ้วยตวง น้ำตาล ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำ ๔ ๑/๒ ถ้วยตวง (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง) แป้งกรอบกลวง
สูตร ๕. แป้งเหลว ทำเป็นปาท่องโก๋เกลียว
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๑/๔ ช้อนชา ยีสต์ ๑/๒ ช้อนชา น้ำ ๔ - ๕ ถ้วยตวง เกลือ ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย ๑ ช้อนโต๊ะ เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๔ ถ้วยตวง เช้าก่า ๑ ๑/๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๖ ชั่วโมง) แป้งเหลวทำเป็นปาท่องโก๋ เกลียว





สูตร ๖. แป้งกรอบแข็ง กรอบนาน
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๒ ช้อนชา ยีสต์ ๒ ช้อนชา น้ำ ๓ - ๓ ๑/๒ ถ้วยตวง เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๔ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๔ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ ชั่วโมง) แป้งกรอบแข็ง กรอบนาน

แก้วตาโบ๋

แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๒ ช้อนชา ผงฟู ๒ ช้อนชา น้ำ ๑ ๑/๒ ถ้วยตวง น้ำตาลทราย ๓ ขีด เช้าก่า ๑ ช้อนชา เกลือ ๒ ช้อนชา น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง)
ผสมแป้ง ยีสต์ รวมกันพักไว้ ละลายน้ำตาล เกลือ เช้าก่า คนให้ส่วนผสมละลาย เติมน้ำมันพืช ผสมแป้ง พักไว้ ๓ - ๔ ชั่วโมง โรยแป้งพอให้ทั่วโต๊ะ ตัดแป้งเป็นแท่งยาว ตัดขวางหนา ๑ ๑/๒ นิ้ว คลึงกดให้แบนใช้นิ้วกดตรงกลางให้บุ๋ม ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด

ซาลาเปาทอด

แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๒ ช้อนชา น้ำ ๓ ถ้วยตวง น้ำตาลปีบ ๓ ๑/๒ ขีด เกลือ ๑ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๒ ช้อนชา ผงชูรส ๒ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ ชั่วโมง) ตัดแป้งเป็นเส้นยาวหนา ๑ ซม. ตัดตามขวางยาวประมาณ ๒ นิ้ว คลึงให้กลมแบน ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด

ปาท่องโก๋ตัวเล็กใส่เต้าฮวย

แป้ง สาลี ๑/๒ กก. เช้าก่า ๔ ช้อนชา เกลือ ๒ ช้อนชา น้ำ ๑/๒ ถ้วยตวง น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา ละลายน้ำตาล เกลือ เช้าก่า ในน้ำคนจนส่วนผสมละลายดี เทส่วนผสมลงในแป้ง นวดพอเข้ากัน (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) ตัดแป้งเป็นก้อนหนา ๑/๒ ซม. ตัดยาว ๒ นิ้ว โรยแป้งนวล ทอดจนกรอบ



เรื่องควรรู้ในการทำปาท่องโก๋

1. แป้งที่นำมาทำปาท่องโก๋
ต้องเป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงแป้งจะมีสีครีมไม่ขาว เมื่อกดนิ้วลงบนแป้งแป้งจะไม่เกาะตัวติดกัน
2. สารที่ทำให้ปาท่องโก๋ฟู
มีส่วนผสม :
ยีสต์ แห้ง บรรจุในขวดหรือถุงที่ทำด้วยกระดาษตะกั่ว ภายในจะอัดแก๊สไนโตรเจนต้องเก็บไว้ในตู้เย็น วิธีทดสอบว่ายีสต์ใช้ได้หรือไม่ ใส่ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะในน้ำอุ่น 1 แก้ว น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันทิ้งไว้ 5 - 10 นาที ยีสต์จะฟูขึ้นมาบนผิวหน้าของน้ำ ถ้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆแสดงว่ายีสต์เสื่อม
เบ๊กกิ้งโซดา มีลักษณะผงสีขาวเหมือนผงฟู เมื่อสลายตัวให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ให้ปาท่องโก๋ฟูและผิวขนมกรอบ
ผง ฟู มีส่วนผสมของโซดากับสารเคมีทำหน้าที่เป็นกรด เติมแป้งข้าวโพดเพื่อไม่ให้โซดากับสารเคมีผสมกันโดยตรง ทดลองใส่ผงฟู 1 ช้อนชาในน้ำร้อน ถ้ามีฟองอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงว่าผงฟูมีคุณภาพ
เช้า ก่า ใส่ปาท่องโก๋เพื่อให้ขนมฟู มีลักษณะเหมือนเกลือป่นละเอียดสีขาว มีส่วนผสมก๊าซ 3 ชนิดคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนียและไอน้ำ ควรชั่งตวงอย่างระมัดระวัง ถ้าใช้มากจะทำให้ขึ้นฟูมาก จะหดตัวหลังการทอด ถ้าใช้ปริมาณน้อยจะทำให้ขึ้นฟูไม่เต็มที่ ปาท่องโก๋ก็จะมีลักษณะเป็นแป้งแน่น
สารที่ให้รสชาติ ได้แก่ น้ำตาลทราย เกลือ น้ำมันพืชใหม่ น้ำเปล่าสะอาด
3. เคล็ดการทำปาท่องโก๋ ที่ควรทราบ
ต้อง อ่านสูตรที่นำมาทำให้ละเอียดต้องชั่งตวงส่วนผสมให้ถูกต้อง การผสมตรงตามสูตรน้ำตาลเกลือเช้าก่าควรละลายในน้ำให้หมด ถ้าแป้งเก่าเพิ่มน้ำตาลเล็กน้อย เมื่อนวดแล้วพักแป้งอย่างน้อย 3 - 4 ชั่วโมงก่อนทอด ควรใช้น้ำมันทอดเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันที่เหลือจากการทอดทุกครั้ง ให้กรองด้วยผ้าขาวบางก่อนนำมาทอดใหม่ ควรเปลี่ยนน้ำมันบ่อยๆ ความร้อนที่ใช้ทอดควรใช้ความร้อนปานกลาง การตัดแป้งควรแผ่แป้งให้หนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร เวลาทอดเมื่อหย่อนแป้งลงในน้ำมัน พอแป้งลอยขึ้นมาใช้ตะเกียบคีบพลิกกลับไปมา เติมผงชูรสในส่วนน้ำ 2 - 3 ช้อนชาจะทำให้ปาท่องโก๋อร่อยขึ้น โซดาจะทำให้ผิวนอกกรอบ ถ้าใส่มากจะทำให้ขนมเหนียวมีรสเฝื่อน ถ้าลดยีสต์ควรหมักให้นานขึ้น..



 เครดิต :สูตร..ฮิ้วจาก๊วย
Email:taajook@gmail.com

.

สูตร..การทำปลากะพงนึ่งมะนาว

สูตรปลากระพงนึ่งมะนาว 

สูตรอาหารไทย ปลากระพงนึ่งมะนาว แรกเริ่มเดิมที่นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านภาคกลาง ปัจจุบันกลายเป็นเมนูอาหารไทยยอดฮิตที่แทบทุกร้านอาหารต้องมี อีกหนึ่งเมนูที่มักจะสั่งทานเสมอเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน สูตรอาหารปลากระพงนึ่งมะนาวเป็น การนำปลาสดๆมานึ่งจนสุกหอม แล้วราดด้วยน้ำปรุงรสจัดจ้าน เปรี้ยว แซ่บถึงใจ อีกหนึ่งเมนูเด็ดรสชาติเข้มข้นจัดจ้านครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย รับประทานร้อนๆได้ความหอมจากเนื้อปลา อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และปราศจากไขมัน เป็นเมนูอาหารไทยที่อยากให้ทุกท่านมาลองชิมมากๆครับ วันนี้จึงได้นำสูตรปลากระพงนึ่งมะนาวมาฝาก และวิธีทำก็ทำไม่ยาก…สูตรก็ตามนี้เลยครับ..



 ส่วนผสม
1. ปลากระพงขาวหนัก 7 ขีด
2. กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
3. พริกขี้หนูสับหยาบ 10-30 เม็ด
(ถ้าใช้พริกขี้หนูสวนจะหอมและเผ็ดมากกว่า ปริมาณแล้วแต่ชอบ ถ้าใส่ 10 เม็ดสำหรับเผ็ดน้อย ... 30 เผ็ดมาก)
4. รากผักชีสับหยาบๆ 3 ราก
5. ต้นหอมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา



ขั้นตอนการทำ
1. นำปลากระพงมาขอดเกล็ด ควักเอาพุงปลาออก ล้างให้สะอาด แล้วบั้งขวางเนื้อปลาข้างละ 3 บั้งให้ถึงกระดูก แล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
2. ก่อนนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชูและเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน แล้วนำไปทาตัวปลาให้ทั่ว วางใส่จาน พักไว้
3. นำน้ำสะอาดใส่ในซึ้ง ต้มให้น้ำเดือด จากนั้นให้นำปลากระพง (จากข้อ 2) ลงนึ่งในซึ้งเลยครับ แล้วปิดฝาหม้อ นึ่งไฟแรงประมาณ 10-15 นาที จนกระทั่งปลาสุก จากนั้นให้ยกปลาออกมา เทน้ำในจานปลาออกโดยใส่ถ้วยไว้ต่างหาก…อย่าทิ้ง
4. ระหว่างรอปลาสุก ให้ทำน้ำปรุงรสใส่ชามเตรียมไว้ โดยผสมกระเทียมสับ ต้นหอมสับ พริกขี้หนูสับ รากผักชีสับ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน แล้วก็เติมน้ำจากตัวปลาลงไปผสมด้วย ชิมและเติมรสให้ถูกใจ
5. นำปลาที่นึ่งสุกแล้ว ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ เสิร์ฟร้อนๆ ประดับด้วยมะนาวฝานเป็นแว่นๆ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ และผักชีไทยสับตามชอบครับ
(สำหรับเสิร์ฟรับประทาน 2 ที่)


แนะนำเคล็ดลับการนึ่งปลา..
  • อาจเพิ่มผักลงไปในเมนูปลากะพงนึ่งมะนาว โดยวางผักต่างๆรองตัวปลาแล้วนำไปนึ่ง
  • ปลานึ่งมะนาว ไม่ว่าจะใช้ปลาอะไรทำนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องนึ่งปลาให้สุกเสียก่อน การที่จะนึ่งปลาไม่ให้คาวและเนื้อเละ ที่เป็นเหตุทำให้ทานปลาไม่อร่อย มีวิธีแก้ปัญหาดังนี้คือ ก่อนจะนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชู และเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน ทาตัวปลาให้ทั่ว นำตะแกรงไปวางรองลังถึง จากนั้นให้นำปลาลงไปนึ่งในน้ำเดือดไฟแรง…จนปลาสุก ก็จะไม่มีกลิ่นคาวและเนื้อปลาก็จะไม่เละ..



Email:taajook@gmail.com

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สูตร..หมูทอดแดดเดียว

หมูแดดเดียว 

อาหารคู่บ้านคนไทยก็ว่าได้ เมนูอาหารในวันนี้ขอแนะนำ สูตรหมูแดดเดียว (Thai Pork Jerky Recipe) พร้อม แนะนำวิธีการหมักหมูแดดเดียวให้อร่อยแบบแซ่บเวอร์ ซึ่งรสชาติเมื่อทอดเสร็จจะออกกลมกล่อม ไม่จืด ไม่เค็ม โดยสูตรนี้ใช้เนื้อหมูประมาณหนึ่งกิโล ไปดูส่วนประกอบและเครื่องปรุงกันเลย...



เครื่องปรุงและส่วนผสม
  • เนื้อหมู 1 กิโลกรัม 
  • กระเทียม 1 หัวครึ่ง
  • รากผักชี 5-6 ราก 
  • พริกไทย 2 ช้อนชา 
  • งาขาว 3 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาล 4 ช้อนชา 
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ 
  • ผงปรุงรสเนื้อ 1 ช้อนโต๊ะ 
ขั้นตอนการทำ
  1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด นำนื้อหมูมาแล่ เป็นชิ้นบางหน่อย (หนาประมาณ 1 เซ็นติเมตร) แต่อย่าบางมาก ถ้าบางมากไป เวลานำไปตากแดดจะแห้งมากเกินไป เนื้อหมูบางส่วนอาจท่อนเป็นชิ้นๆด้วยก็ได้
  2. โขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทยให้ละเอียด ได้ที่แล้วนำไปหมักเนื้อหมู
  3. จากนั้นเติมน้ำตาล, น้ำปลา, ซอสหอยนางรม, งาขาว และผงปรุงรส ลงไป 
  4. คลุกเคล้าหรือนวดด้วยมือจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี และทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง 
  5. นำเนื้อหมูไปตากแแดดไว้ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง กลับเนื้อหมูบ้างเป็นระยะ  (โดยตากแดดไปสัก 2 ชั่วโมงเนื้อหมูด้านหนึ่งจะแห้งก็ทำการกลับเนื้อหมูแล้วตากอีกด้านไปอีก 2 ชั่วโมง) 
  6. สำหรับการทอด ให้ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำไปตั้งไฟ รอจนน้ำมันร้อนจึงนำหมูหมักลงไปทอดจนสุกทั่ว จัดหมูทอดใส่จานพร้อมเสริฟ


เคล็ดลับ
  • การหมักหมู ถ้าหมักไว้นานเครื่องปรุ่งรวมส่วนผสมแล้วจะเป็นน้ำ จะเสียความเข้มข้นตรงนั้นไป 
  • น้ำตาลทรายขาว ยิ่งเม็ดละเอียดมากยิ่งดี
  • งาขาว จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ถ้าใส่ก็ดูสวยงามดี ได้กินงาขาวด้วย และจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของหมูทอด
  • การตากเนื้อหมูถือว่าสำคัญเหมือนกัน ถ้าแดดจัด แดดแรง หากตากนานเกินไป เนื้อหมูจะแห้งเกินไป เวลาทอดแล้วเนื้อจะแข็งแต่ก็ทานได้ ดังนั้นหากแดดแรง ตากเนื้อหมูแค่พอหมาดๆ ก็เก็บได้เลย
  • สำหรับเวลาทอดนั้น ควรใช้ไฟปานกลาง อย่าใช้ไฟแรงมากเพราะเนื้อหมูจะแข็ง
  • สำหรับเครื่องปรุงที่ใช้หมักหมูนั้น ใครชอบหวาน ก็ใส่น้ำตาลเพิ่มมากหน่อย ใครชอบเค้มก็ใส่น้ำปลามากหน่อย
  • จัดหมูทอดแดดเดียวในจานพร้อมผักสดต่างๆ ; แตงกวา, มะเขือเทศ, กะหล่ำปลี, อื่นๆ และน้ำจิ้ม ช่วยเพิ่มความอร่อยได้เป็นอย่างดี

 






วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

การทำก๋วยจั๊บน้ำข้น.!!

การทำก๋วยจั๊บน้ำข้น..สูตรอร่อย.!!
"ก๋วยจั๊บน้ำข้น" อีกเมนูอาหารจานเดียวที่อร่อยเด็ดและได้คุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วนในจาน เดียว เอกลักษณ์ของก๊วยจั๊บน้ำข้นนั้นอยู่ที่เครื่องมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น หมูกรอบ ไส้หมู ตับหมู ปอดหมู เต้าหู้ทอด ไข่ต้ม ปอด และหนังหมู และก๋วยจั๊บก็เป็นเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยว สามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ ด้วยน้ำซุปที่เข้มข้นปรุงรสอีกนิดหน่อยหรือแทบไม่ต้องปรุงเลย จึงทำให้ถูกปากถูกใจได้ไม่ยาก ที่มีสูตรก๋วยจั๊บน้ำข้นดังนี้...



 เครื่องปรุง..
  1. เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม
  2. ตับหมู ½ กิโลกรัม
  3. ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม
  4. ปอดหมู 2 พวง
  5. หนังหมู ½ กิโลกรัม
  6. เต้าหู้ทอด 2 พวง
  7. หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น
  8. พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด
  9. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ
  10. ไข่ต้ม 20 ฟอง
  11. กระเทียมบุบ 6 หัว
  12. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  13. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ซ๊อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  15. ซิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ


 วิธีขั้นตอนการทำ
1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๋วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุปจนกระทั่งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้ง ข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้
2. จากนั้นหันมาทำน้ำพะโล้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครู่พอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู จากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้ เพียงเท่านี้ก็ได้ก๋วยจั๊บรสเด็ดแล้ว..



 Email:taajook@hotmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

สูตร..การทำราดหน้า

วิธีทำราดหน้าให้อร่อย สูตรราดหน้ารสเด็ด ทำกินได้ ทำขายรวย

ราดหน้า ถือเป็นอาหารยอดฮิตที่เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างหนึ่ง ด้วยจุดเด่นที่มีความอร่อยถูกปาก สามารถปรุงแต่งรสชาติเพิ่มเติมได้ตามใจ และยังหากินได้ง่าย มีขายแทบจะทุกที่เลยก็ว่าได้ แต่หลายคนก็มักจะพากันสงสัย ว่าการกินราดหน้าที่ร้านนั้นอร่อยจริง แต่พอขอวิธีทำเขามาทำกินเองบ้างทำไมไม่อร่อยแบบนั้นก็ไม่รู้ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรการทำราดหน้าให้อร่อยถูกปากมาฝากกันค่ะ



วัตถุดิบ

  1. หมูสันในหั่นชิ้นพอดีคำ ประมาณ 2 ขีด หรือใครที่ไม่ชอบเนื้อหมูอาจเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์ชนิดอื่นได้ เช่น ไก่ กุ้ง ปลาหมึก เป็นต้น
  2. ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ประมาณ 3 ขีด
  3. คะน้าหั่นพอดีคำประมาณ 2 – 3 ต้น
  4. เต้าเจี้ยวดำ/กระเทียม สับละเอียดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ / ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมันพืชประมาณ 1/4 ถ้วย
  8. แป้งข้าวโพดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  9. พริกไทยป่นและน้ำตาลทรายป่นอย่างละ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำซุป
  11. พริกชี้ฟ้าหั่นแว่น

ขั้นตอนการทำ
ผสมซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน นำหมูหรือเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไปหมัก เติมพริกไทยป่นเล็กน้อย พร้อมนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เพื่อซึมซับเข้าไปในเนื้อหมูให้ได้มากที่สุดนำเส้นก๋วยเตี๋ยวคลี่ออกไม่ให้เส้นติดกัน จากนั้นหั่นผักคะน้าเป็นท่อน ท่อนละประมาณ 1 1/2 นิ้ว โดยหั่นแบบโคนเฉียงนำกระทะขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ความร้อนปานกลาง จากนั้นเติมน้ำมันพืชลงไปประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเส้นก๋วยเตี๋ยวลงไปผัดกับซีอิ๊วดำ ผัดจนเส้นสุกและเข้ากับซีอิ๊ว แล้วตักพักไว้ตั้งกระทะใหม่โดยใช้ไฟปานกลางเช่นกัน เติมเต้าเจี้ยวสับผสมกับกระเทียมที่เตรียมไว้ลงไปผัด ตามด้วยผักคะน้า และเนื้อหมู 
แต่เคล็ดลับก็คือให้ผัดพอเนื้อสุกเท่านั้นก็ให้เทน้ำซุปลงไปประมาณ 2 ถ้วย จากนั้นเมื่อน้ำซุปเริ่มร้อนให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลาเมื่อน้ำซุปเริ่มเดือดให้เติมแป้งข้าวโพด ซึ่งจะช่วยให้น้ำซุปนั้นข้น ระหว่างการเติมนั้นต้องคอยคนน้ำซุปอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าข้นเหนียวดีแล้วให้นำไปราดบนเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เตรียมไว้ ยกเสิร์ฟได้ทันทีเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งก็คือในระหว่างเติมแป้งข้าวโพดนั้นอาจเกิดการเหนียวข้นมากจนเกินไปของน้ำซุป ดังนั้นแนะนำให้คนแป้งกับน้ำจนละลายเสียก่อนค่อยเทลงไปผสมในกระทะอีกที จะช่วยไม่ให้น้ำซุปเกิดความข้นเหนียวมากจนเกินไป แค่นี้เราก็จะได้ราดหน้าร้อนๆ สูตรอร่อย ที่พร้อมรับประทานกันแล้วค่ะ พร้อมพิสูจน์ความอร่อยด้วยฝีมือคุณ /
Email:taajook@gmail.com